You are here: Home
จดหมายข่าวฉบับย้อนหลัง
ปีที่ 33 ฉบับที่ 2
ปีที่ 33 ฉบับที่ 2 เดือนธันวาคม 2555 - มกราคม 2556
เวลานอนนั้นสำคัญไฉน




การนอนหลับที่เพียงพอ ทำให้ร่างกายแข็งแรงมีภูมิต้านทานดี เด็กเติบโตเพิ่มส่วนสูง สมองได้จัดระเบียบความรู้ ความคิด และความรู้สึกที่เกิดขึ้นในระหว่างวัน ไว้เป็นความจำในสิ่งเหล่านั้นเพื่อใช้งานต่อไป เราจึงจำเป็นต้องมีเวลานอนหลับให้เพียงพอ วัยเด็กต้องการเวลานอนมากกว่าผู้ใหญ่ เวลานอนของคนแต่ละวัยควรเป็นดังต่อไปนี้1
อายุ | เวลานอน (ชั่วโมง) |
แรกเกิด ถึง 2 เดือน | 16 - 18 |
3 - 11 ปี | 14 - 15 |
1 - 2 ปี | 12 - 14 |
3 - 5 ปี | 11 - 13 |
6 - 10 ปี | 10 -11 |
11 - 17 ปี | 8.5 - 9.25 |
18 ปี ขึ้นไป | 7 - 8 |
ผลการสำรวจประชากรทั่วโลก ทั้งเด็กและผู้ใหญ่พบว่ามีปัญหาการนอน1 ทั้งนอนไม่หลับ นอนไม่พอ นอนไม่มีคุณภาพ2 (นอนหลับสนิทคือการนอนที่มีคุณภาพ) จนเกิดการนอนไม่พอเรื้อรัง ทำให้เกิดปัญหาในการเรียนรู้ การพัฒนาทักษะต่างๆ สมาธิ ความจำ ความคิดสร้างสรรค์ รวมทั้งสมองทำงานได้ช้าลง ผิดพลาดบ่อยขึ้น เป็นต้น
วงจรการนอนหลับของคนแบ่งออกเป็น 2 วงจร4 1) วงจรที่เกี่ยวกับการฝัน (REM - rapid eye movement sleep) และ 2) วงจรที่ไม่เกี่ยวกับการฝัน (NREM - non-rapid eye movement sleep) ทั้งสองวงจรจะเกิดสลับไปมาเรื่อยๆ 5-6 รอบในการนอนแต่ละคืน วงจร NREM เกิดตั้งแต่เริ่มเคลิ้มหลับ หลับตื้นๆ จนกระทั่งหลับสนิท เด็กเล็กๆ จะมีวงจรนี้มากเป็นพิเศษ ทำให้หลับง่าย หลับไว และหลับสนิท วงจรนี้ จะค่อยๆ ลดลงเมื่ออายุมากขึ้น ทำให้ผู้สูงอายุหลับยาก หลับไม่นาน หลับไม่ค่อยสนิท และตื่นบ่อย
ข้อปฏิบัติที่ช่วยให้นอนหลับง่ายขึ้น4 มีดังต่อไปนี้
ถ้าลองวิธีข้างต้นแล้วก็ยังนอนไม่หลับ ขอให้เข้าใจว่า“ใจเป็นนาย กายเป็นบ่าว” หลายครั้งที่การนอนไม่หลับเกิดจากมีเรื่องให้คิดให้กังวลมากมายจนเกิดความเครียด ดังนั้นตอนเข้านอนจึงต้องผ่อนคลาย ปล่อยวาง และทำใจ (เราทำดีที่สุดแล้ว อะไรจะเกิดมันก็ต้องเกิด ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นมันเป็นเช่นนั้นเอง) หรือใช้การทำสมาธิช่วย เช่น หายใจเข้า (คิดว่าพองหนอ) หายใจออก (คิดว่ายุบหนอ) ไปเรื่อยๆ ฯลฯ
ผลเสียของการนอนไม่พอเรื้อรัง3 การนอนน้อยบางวันยังไม่เป็นไร แต่ถ้านอนไม่พอเรื้อรัง อาจเกิดผลเสีย เช่น
ไม่ว่าผลการวิจัยจะเป็นเช่นไร และแม้ร่างกายของคนปกติจะมีส่วนประกอบเหมือนกัน แต่การทำงานของแต่ละส่วนในร่างกายอาจต่างกันได้ คุณภาพการนอนและเวลานอนจึงสำคัญมาก ถ้าท่านนอนหลับตอนกลางวันแล้ว กลางคืนอาจใช้เวลานอนน้อยลง หรือท่านใช้เวลานอนหลับที่ต่างจากตารางข้างต้น แต่ตื่นนอนแล้วรู้สึกสดชื่น กระปรี้กระเปร่า
ไม่หงุดหงิดง่าย ไม่อ่อนเพลีย ไม่เกิดภูมิแพ้ง่าย และไม่รู้สึกง่วงตลอดเวลา ก็ถือได้ว่าเวลานอนนั้น เพียงพอสำหรับท่านแล้ว4
1 สถาบันแห่งชาติเพื่อการพัฒนาเด็กและครอบครัว มหาวิทยาลัยมหิดล.2554. สุขปฏิบัติเพื่อชีวิตที่ดีกว่า. [http:/www.factsforlifethai.cf.mahidol.ac.th/hygiene/support06.php] สืบค้นเมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายน 2555
2 The National Sleep Foundation. 2555. How Much Sleep Do We Really Need? [http://www.sleepfoundation.org/article/how-sleep-
works/how-much-sleep-do-we-really-need] สืบค้นเมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายน 2555
3 unigang.com. 2555. สารพัดโรค..จากการอดนอนของวัยรุ่น. [http://teen.mthai.com/variety/36038.html] สืบค้นเมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายน 2555
4 จักรกฤษณ์ สุขยิ่ง. 2553. 20 คำถามที่ควรรู้ เกี่ยวกับการนอนของคุณ.คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล. [http://
www.ramamental.com/medicalstudent/generalpsyc/sleepingforelder/] สืบค้นเมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายน 2555
Since 25 December 2012